30 สิงหาคม 53
เมื่ออาทิตย์ก่อนไปงานแต่งงานเพื่อนบนภูเขา ก็เห็นคนเยอะมากๆ ถือถังกันคนละใบสองใบ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ถามเขาว่ามาทำไรกันถึงได้รู้ว่าบนภูเขาแถวนั้นมี blueberry ทุกคนพร้อมใจมาเก็บกัน แต่ด้วยชุดที่แต่งมาไม่อำนวยก็เลยต้องตัดใจ
สถานที่จัดงานแต่งงาน
บลูเบอร์รี่
ต้นเล็กมาก อยู่บนเขาคนเก็บเป็นร้อย ส่วนเอามาทำไรนั้นคงไม่ต้องบอกกันเพราะคิดว่าเพื่อนๆ คงจะรู้กันแล้วCrow berry
ต้นนี้ไม่ค่อยมีคนเก็บแต่มีเยอะมากๆๆ คงเพราะไม่นิยมกินกัน ไปเจอฝรั่งบางคนเก็บเพราะเขาบอกว่าบลูเบอร์รี่คนเก็บเยอะ เลยเอาไอ้นี่แทน เขานิยมเอาไปทำแยม หรือไม่ก็พายและเจลลี่ เห็นว่าทำออกมาแล้วรสชาติอร่อยมาก แต่อย่าเอามากินสดๆ เท่านั้นเอง ส่วนกินสดๆ แล้วมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่านั้นก็ไม่รู้เพราะลืมถามส่วนต้นนี้ไปเจอมาบนเขาเมื่อวาน มองแล้วมองอีกว่าหน้าตามันคุ้นๆ เลยเรียกคุณสามีมาดู แล้วช่วยกันเปิดเน็ตดูว่าเป็นต้นไร โชคดีที่ตรงนั้นมีสัญญาณเลยใช้ได้ เห็นเขาว่าเป็นบลูเบอร์รี่ด้วยแต่สองจิตสองใจ ใจนึงไม่กล้าเพราะกลัวตาย แต่อีกใจอยากเก็บแต่อุปกรณ์เก็บก็ไม่ได้เตรียมไป มีแค่ถุงเล็กๆ ติดกระเป๋า แต่ความเสียดายมันมีมากกว่าเลยตัดใจเก็บแถมแอบชิมด้วย เพราะคิดว่าดูจากเน็ตแล้วมันบอกว่ากินได้ ชิมแล้วรสชาติมันก็อร่อยดี เปรี้ยวๆ หวานๆ (อันนี้ห้ามทำตามเด็ดขาด เพราะเสี่ยงมาก) แต่หนูชิมแค่เม็ดเดียวเพราะคิดว่าถ้ามันมีพิษมันคงไม่ถึงกับตายทันทีเพราะกินไปน้อย (ความคิดค่อนข้างโง่นิดนึง) ชิมเสร็จก็รีบบ้วนทิ้งไม่ได้กลืนลงไปเพราะยังรักชีวิตน้อยๆ อยู่ คุณสามีก็บอกว่าเก็บใส่ถุงไปก่อน ถ้ากินไม่ได้ค่อยเอาทิ้งถังขยะ พอกลับมาถึงบ้านก็รีบเอาไปให้คนข้างบ้านดู คนแก่ข้างบ้านก็บอกว่านั่นคือบลูเบอร์รี่ป่า ทำพายอร่อยมาก ถามคุณแม่สามีๆ ก็บอกว่าบลูเบอร์รี่ แล้วคุณแม่สามีก็เสี่ยงตายชิมให้เราดูอย่างเอร็ดอร่อย สรุปคือมันกินได้จริงๆ ด้วย
งานนี้เลยออกจะเสียดายที่เก็บมาน้อย เพราะบนเขาเยอะมากๆ แถมไม่มีคนเก็บเลย แถมยังเก็บง่ายกว่าไอ้ต้นบนเขาที่ต้นเล็กๆ อีก
แต่อยากรู้ว่าแถวบ้านเพื่อนๆ มีต้นเบอร์รี่กันไหม ต่างกันไหม เผื่อจะได้เอามาประดับความรู้หน่อย
เอารูปชุดที่ใส่มาให้ดูคะ ทีนี้โอ้ทจะได้เข้าใจว่าทำไมหนูไม่ไปเก็บเบอร์รี่ด้วยชุดนี้
พ่อหมู <: :> แม่หมู
No comments:
Post a Comment