12 สิงหาคม 53
ครั้งแรกของการขึ้นรถเมล์ พูดถึงการขึ้นรถเมล์เมืองนอกแล้ว เพื่อนๆบางคนอาจจะยังนึกภาพไม่ออกเพราะไม่เคยขึ้น แต่หนูขึ้นเกือบทุกวันเลยเจอประสบการณ์แปลกๆ เยอะมาก แต่ที่จะเล่าวันนี้เป็นประสบการณ์การขึ้นรถเมล์ครั้งแรก
ด้วยความที่ภาษายังอ่อนมากกกกก แถมยังไม่มีประสบการณ์กับรถเมล์ที่มันทันสมัยกว่ารถเมล์ตามบ้าน ที่จะมีกระเป๋ารถเมล์มาเก็บเงินก็เลยไม่ค่อยรู้ว่ามันต้องทำยังไง จำได้ว่าวันแรกที่ขึ้นรถเมล์พอคนขับเปิดประตูหนูก็รีบตรงไปที่คนขับและบอกว่า This is my first time to take a bus i don't know how to do??? คนขับมองแวบนึงก่อนจะชี้นิ้วไปที่กล่องไรสักอย่าง แต่ดีตรงมันมีรูปเงินอยู่เราเลยพอเดาได้ เลยถามต่อว่า How much? คนขับมองอีกแวบแล้วบอกอย่างรวดเร็วมากว่า $1.75 ว่าแล้วก็หยอดเหรียญลงไปจนครบแล้วถึงจะไปนั่งได้ ช่วงขั้นตอนนี้จะมาชักช้าไม่ได้เลยเพราะมีคนในรถนั่งมองมาตรงเราเป็นตาเดียว
หนูก็ติดนิสัยมาจากบ้านเราว่านั่งรถเมล์นั่งใกล้คนขับยิ่งดี เพราะเวลาจะลงป้ายได้บอกง่ายๆ ทีนี้หนูก็เลือกนั่งที่นั่งใกล้ที่สุดพอนั่งลงเท่านั้นแหละดันมีคนนั่งข้างหลังฝั่งตรงข้ามคู่หนึ่งมองแล้วซุบซิบๆ เราก็คิดในใจตูทำอะไรผิดอีกแล้วนี่ก็พยายามนั่งเรียบร้อยสุด พลางก็สำรวจตัวเองว่าซิปก็รูดแล้วนี่นา รองเท้าก็ไม่เลอะหรือมีกลิ่น แล้วมันมองมาทางตูทำไม พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นป้ายรูปคนนั่งรถเข็น ถึงได้รู้ว่าตรงนั้นมันสำหรับคนพิการว่าแล้วหนูก็ค่อยๆเขยิบๆ เลื่อนตัวลงไปนั่งเก้าอี้ตัวอื่นแทน
ด้วยความที่ขาไปมัวแต่นั่งระแวงเลยไม่ได้สังเกตว่าเวลาคนลงเขาทำกันยังไง ไอ้ตอนไปยังดีที่ลงตรงสุดสายเลยไม่มีปัญหา แต่อีตอนขากลับนี่สิดันเกิดปัญหาหนักอกขึ้นมา นั่งคิดไปตลอดทางไหนจะต้องคอยดูป้ายที่จะลง แถมยังต้องสอดส่ายสายตาหาที่กดกริ่งมองไปบนหัวก็ไม่เจอ ข้างๆก็ไม่เจอแล้วตูจะทำไงนี่ กระเป๋ารถเมล์ก็ไม่มีแถมคนขับยังไม่ค่อยจะพูดอีก คนบนรถก็นั่งกันเงียบอีกไม่ไกลก็ใกล้จะถึงบ้านแล้ว เห็นข้างๆ หน้าต่างมันมีสายสีเหลืองๆ แต่ไม่รู้ไว้ทำไร เห็นแต่ข้างกระจกมันเขียน Emergency และมีคำไรอีกไม่รู้ต่อท้ายยาวๆ แปลก็แปลไม่ออกด้วยความที่ภาษาอังกฤษนั้นดีมาก ในใจก็คิดว่ามันคงจะเหมือนรถไฟบ้านเราที่มีสายไว้สำหรับดึงเวลาเหตุฉุกเฉิน คิดในใจว่าถ้าเราดึงเขาคงจะว่าเราแน่ๆ เพราะมันไม่มีเหตุฉุกเฉิน
ทีนี้วินาทีที่กลัวก็มาถึง ป้ายรถที่จะลงก็อยู่ไม่ไกล เหงื่อก็แตกพลั๊กๆ ด้วยความกลัวเพราะไม่รู้ว่าถ้าหลงไปจากตรงนี้แล้วรถมันพาไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นปุ่มกดที่มันแอบไว้ใกล้ที่จับหลังคนขับ เหมือนพระเจ้าช่วยลูกหมูตัวน้อยๆ ให้รอดตาย หนูรีบวิ่งไปกดทันทีและแล้วหนูก็ได้ลงยังป้ายที่ต้องการ
พอกลับถึงบ้านก็รีบโทรไปเล่าให้คุณสามีฟัง คุณสามีก็เลยบอกว่าไอ้สายเหลืองๆ นั่นแหละไว้สำหรับดึงให้รถมันหยุด ส่วน Emergency นั่นสำหรับหน้าต่าง และแล้วหนูก็ถึงบางอ้ออออออออออออ
No comments:
Post a Comment