ฤดูตักปลาเร่ิมตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่เพิ่งได้ไปตักจริงก็เดือนนี้แถมอีกอาทิตย์เดียวเขาจะปิดให้ตักปลาแล้ว ดังนั้นเราต้องรีบตุนเสบียงไว้ก่อนจะไม่มีอะไรไว้กิน
เพื่อนสาวคนสนิทที่ไปด้วย
สามีขาประจำที่เป็นทั้งคนขับรถพาสาวๆ ไปสนุกกับทำหน้าที่ตักปลาอีกหน้าที่
โชว์ผลงานกันหน่อย อันนี้ได้น้อยแต่ตอนตักได้เยอะๆ ไม่ได้หยิบกล้องมาถ่ายรูปเพราะคนถ่ายเป็นพนักงานเอาปลาใส่ถัง บางทีตักกันได้ครั้งละสิบหรือยี่สิบตัวเรียกว่าต้องลากกันขึ้นมาเลยเพราะยกไม่ไหว
นอกนั้นเป็นบรรยากาศรอบๆ สนุก สวย และได้ของกินกลับบ้าน
ผลงานรอบนี้จ๊ะ
Thursday, June 7, 2012
Thursday, April 26, 2012
ไปเที่ยวกันช่วงสปริง
ช่วงนี้เป็นช่วงสปริงของที่นี่ อากาศกำลังดีเพราะไม่ร้อนและหนาวจนเกินไป วันนี้เลยได้โอกาสออกไปข้างนอกกัน แต่งานนี้ไปก็คุ้มเพราะได้พาน้องหมาไปว่ิงเล่นเปลี่ยนบรรยากาศแถมยังได้ไปหัดขับรถอีก :)
ออกไปข้างนอกแบบนี้น้องหมาดีใจสุดๆ วิ่งเล่นกันจนหอบพอกลับมาบ้านทีไรหลับเป็นตายทั้งสองตัว แต่ก็ทำให้เรารู้สึกดีที่ให้เวลากับมันเต็มทีี่
ออกไปข้างนอกแบบนี้น้องหมาดีใจสุดๆ วิ่งเล่นกันจนหอบพอกลับมาบ้านทีไรหลับเป็นตายทั้งสองตัว แต่ก็ทำให้เรารู้สึกดีที่ให้เวลากับมันเต็มทีี่
ท่าดีใจเวลาเห็นหิมะ มันชอบเอาตัวไปเกลือกกลิ้งแล้วก็งับหิมะเล่น
Thursday, April 12, 2012
มากินปลาแห้งกัน
ปีที่แล้วไปตักปลามาได้เยอะมากแบ่งเพื่อนก็แล้ว กินเองก็แล้วแต่ก็ยังเหลืออีกเยอะแล้วนี่จะหน้าร้อนอีกไม่กี่วัน (ฝันเอา) ดังนั้นต้องรีบกำจัดปลาออกไปให้หมดก่อนที่จะไม่มีที่เก็บปลารอบใหม่
เห็นที่ทำงานทำปลาแห้งแต่เขาอบจนกินได้เลย แต่เราว่ามันไม่ได้บรรยากาศเท่าปลาแห้งแดดเดียวบ้านเรา ไอ้ที่จะหาแดดที่นี่ก็คงยากหน่อยมันมีแต่ว่ายังไม่ใช่หน้าร้อนจริงๆ มันก็ยังหนาวอยู่เลยลงทุนซื้อเครื่องอบแห้งมา $154.99 จะลงทุนซื้อแพงกว่านี้ก็ไม่ไหวนี่ก็ตัดใจซื้อสุดๆ แล้วเจอร้านแรกสองร้อยกว่าทั้งนั้นและเป็นแบบกลมๆ เหมือนปิ่นโตเลยไม่ค่อยอยากได้ ลงทุนตะลอนหาหลายร้าน ในเน็ตก็เอาแต่ในเน็ตเจอไอ้ที่ชอบแต่เขาไม่ส่งอลาสก้า ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมของดีๆ ถึงไม่ยอมส่งมาอลาสก้า เลยไปได้มาจาก sportmans warehouse ที่ขายอุปกรณ์พวกยังชีพ เลยตัดใจเอาถึงมันจะไม่ใช่อันที่อยากได้จริงๆ แต่คิดว่าเอามาลองก่อนแล้วกัน
แล้วผลจากความพยายามที่จะทำปลาแห้งก็สำเร็จ กินไปคิดถึงบ้านไปมันช่างเหมือนกับตอนอยู่บ้านนอกอะไรเช่นนี้
ความลำบากของการทำปลาก็คือการผ่าปลา ผ่ายังไงก็ไม่สวยอาจจะเป็นเพราะมีดไม่คมหรือเพราะไม่มีฝีมือก็ไม่รู้
เห็นที่ทำงานทำปลาแห้งแต่เขาอบจนกินได้เลย แต่เราว่ามันไม่ได้บรรยากาศเท่าปลาแห้งแดดเดียวบ้านเรา ไอ้ที่จะหาแดดที่นี่ก็คงยากหน่อยมันมีแต่ว่ายังไม่ใช่หน้าร้อนจริงๆ มันก็ยังหนาวอยู่เลยลงทุนซื้อเครื่องอบแห้งมา $154.99 จะลงทุนซื้อแพงกว่านี้ก็ไม่ไหวนี่ก็ตัดใจซื้อสุดๆ แล้วเจอร้านแรกสองร้อยกว่าทั้งนั้นและเป็นแบบกลมๆ เหมือนปิ่นโตเลยไม่ค่อยอยากได้ ลงทุนตะลอนหาหลายร้าน ในเน็ตก็เอาแต่ในเน็ตเจอไอ้ที่ชอบแต่เขาไม่ส่งอลาสก้า ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมของดีๆ ถึงไม่ยอมส่งมาอลาสก้า เลยไปได้มาจาก sportmans warehouse ที่ขายอุปกรณ์พวกยังชีพ เลยตัดใจเอาถึงมันจะไม่ใช่อันที่อยากได้จริงๆ แต่คิดว่าเอามาลองก่อนแล้วกัน
แล้วผลจากความพยายามที่จะทำปลาแห้งก็สำเร็จ กินไปคิดถึงบ้านไปมันช่างเหมือนกับตอนอยู่บ้านนอกอะไรเช่นนี้
อันนี้รอบแรกลองทำแบบแห้งแค่สองชั่วโมง เหมือนปลาแดดเดียวเลยอร่อยมาก ทำเสร็จก็รีบเอาใส่ถุงไปแจกเพื่อนๆ แต่ไม่รู้ว่าผลเป็นไงเห็นหายเงียบกันทุกคน
อันนี้อบนานถึงหกชั่วโมง กะว่าจะเอาให้แห้งสนิทเพราะเพื่อนแนะนำมาว่าถ้าแห้งแบบสนิทเลยน่าจะเก็บได้นานกว่าและไม่เป็นรา ก็ลองแต่ยังไม่แห้งมากตรงส่วนที่เนื้อเยอะๆ แต่ตรงอื่นแห้งจนกรอบ
อันนี้เป็นชุดแรกที่ลองทอดดู ทอดแป๊บเดียวเองแถมกรอบมากกินได้ทั้งตัวเลยไม่เว้นแม้กระดูก เลยลองให้คุณสามีชิมและสรุปออกมาว่าเขาชอบมาก
Thursday, March 22, 2012
ช็อปปิ้งกันนะ
ตอนนี้เข้าสปริงมาได้สองสามวันแล้ว แต่อากาศก็ยังหนาวเหน็บเหมือนเดิมตามแบบอลาสก้า ดังนั้นของที่ลดราคาช่วงนี้คงไม่พ้นของหน้าหนาวซึ่งนักช็อปทั้งหลายจะรู้เลยว่าซื้อของหน้าหนาวปีนี้ไปเก็บไว้ใช้ปีหน้านั้นคุ้มสุดคุ้ม ไม่ต้องห่วงเรื่องแฟชั่นหรอกเพราะอลาสก้าเราไม่มีแฟชั่นเลิศหรูมีแค่กันหนาวได้แค่นั้นเป็นพอ
ใครว่าของดีราคาถูกไม่มีแต่วันนี้ขอบอกว่ามีแล้วคะ ถูกมากๆ จนแทบอยากจะหอบกลับบ้านอีกสักสี่ห้าตัวเอาให้คุ้มไปเลยเพราะได้ใช้งานจริง
มาเร่ิมจากเสื้อโค้ทตัวแรกกันเลย ตัวนี้สีแดงแรงฤทธิ์แต่ถ่ายรูปมาเปลี่ยนสีไปหน่อย ยี่ห้อ Covington ไม่เคยใช้เลยไม่รู้ว่ากันหนาวมากไหม แต่จะลองดูเผื่อดี
ตัวที่สองของ Free country ยี่ห้อนี้ไม่เคยใช้เหมือนกันแต่เห็นมันถอดแยกชิ้นได้และลักษณะเหมือนของ ZeroX ที่ใช้ประจำซึ่งแบรนด์นั้นยอมรับว่าใช้ดีมาก ขนาดหนาว -10 - 20F ยังเอาอยู่แถมราคาพอคบกันได้และทนมากๆ อันนี้ถ้าใช้ดียังไงจะบอกอีกที
ตัวที่สามตัวนี้ชอบแบบเพราะไม่มีเสื้อแบบนี้เท่าไหร่เลยตัดสินใจซื้อทันทีโดยไม่คิดไรมาก ตัวนี้ของ Inked & Fadded อย่าถามเรื่องแบรนด์เพราะไม่รู้จักหรอก ปกติเสื้อผ้าก็ไม่ได้ยึดติดแบรนด์เท่าไหรแค่เอาที่มันใส่ได้แค่นั้นยิ่งหุ่นเกินมาตรฐานแบบนี้ใส่อะไรก็ได้ไม่สนเน้นของถูกมากกว่า อิอิ
ลองซื้อมาแค่นี้ก่อนเพราะเผื่อว่าอาจจะเจอที่ห้างอื่นมันลดราคามากกว่ากลัวจะช้ำใจเพราะเคยเจออยู่ครั้งนึงซื้อมาแล้วคิดว่าถูกแล้วแต่ดันไปเห็นอีกห้างถูกกว่าสิบกว่าเหรียญเลยสอนตัวเองว่าอย่าใจร้อน ฮ่าๆ และอีกอย่างป้ายที่มันติดราคาเต็มบางทีมันก็หลอกเราด้วย
ใครว่าของดีราคาถูกไม่มีแต่วันนี้ขอบอกว่ามีแล้วคะ ถูกมากๆ จนแทบอยากจะหอบกลับบ้านอีกสักสี่ห้าตัวเอาให้คุ้มไปเลยเพราะได้ใช้งานจริง
มาเร่ิมจากเสื้อโค้ทตัวแรกกันเลย ตัวนี้สีแดงแรงฤทธิ์แต่ถ่ายรูปมาเปลี่ยนสีไปหน่อย ยี่ห้อ Covington ไม่เคยใช้เลยไม่รู้ว่ากันหนาวมากไหม แต่จะลองดูเผื่อดี
ตัวที่สองของ Free country ยี่ห้อนี้ไม่เคยใช้เหมือนกันแต่เห็นมันถอดแยกชิ้นได้และลักษณะเหมือนของ ZeroX ที่ใช้ประจำซึ่งแบรนด์นั้นยอมรับว่าใช้ดีมาก ขนาดหนาว -10 - 20F ยังเอาอยู่แถมราคาพอคบกันได้และทนมากๆ อันนี้ถ้าใช้ดียังไงจะบอกอีกที
ตัวที่สามตัวนี้ชอบแบบเพราะไม่มีเสื้อแบบนี้เท่าไหร่เลยตัดสินใจซื้อทันทีโดยไม่คิดไรมาก ตัวนี้ของ Inked & Fadded อย่าถามเรื่องแบรนด์เพราะไม่รู้จักหรอก ปกติเสื้อผ้าก็ไม่ได้ยึดติดแบรนด์เท่าไหรแค่เอาที่มันใส่ได้แค่นั้นยิ่งหุ่นเกินมาตรฐานแบบนี้ใส่อะไรก็ได้ไม่สนเน้นของถูกมากกว่า อิอิ
ลองซื้อมาแค่นี้ก่อนเพราะเผื่อว่าอาจจะเจอที่ห้างอื่นมันลดราคามากกว่ากลัวจะช้ำใจเพราะเคยเจออยู่ครั้งนึงซื้อมาแล้วคิดว่าถูกแล้วแต่ดันไปเห็นอีกห้างถูกกว่าสิบกว่าเหรียญเลยสอนตัวเองว่าอย่าใจร้อน ฮ่าๆ และอีกอย่างป้ายที่มันติดราคาเต็มบางทีมันก็หลอกเราด้วย
Wednesday, March 21, 2012
แกงส้มปลานิล หน่อไม้ดอง ถั่วฝักยาว
อากาศหนาวๆ เหมือนจะเป็นหวัดต้องแก้ด้วยแกงส้มเปร้ียวๆ เผ็ดๆ ถึงจะสะใจ วันนี้เลยทำเมนูนี้
โชคดีวันก่อนที่ร้านเอาขมิ้นมาขายแล้วเลยได้ขมิ้นสดๆ มาทำเครื่องแกงส้ม รสชาติมันผิดกับเครื่องแกงกระป๋องจริงๆ เลยขอโชว์ขมิ้นสดๆ เสียหน่อยจะได้รู้ว่าชาวอลาสก้าเราก็มีขมิ้นสดกินกับเขาด้วย
อุปกรณ์มีแล้วก็เริ่มตำเรื่องแกงกันเลยนะคะ แต่ค่อนข้างขี้เกียจเลยตำหยาบมากดังนั้นเพื่อนๆ คนไหนจะตำเครื่องแกงก็ตำให้ละเอียดกว่านี้อีกสักหน่อยจะดีกว่า
เครื่องแกงพร้อมแล้วเรามาเตรียมผักกัน งานนี้มีหน่อไม้ดองเปรี้ยวกับถั่วฝักยาว
คิดตั้งนานว่าจะใช้ปลาอะไรดี แต่เหลือบไปเห็นเนื้อปลานิลแช่แข็งในตู้เลยเอามาจัดการดีกว่าเพราะมันง่ายและไม่ต้องมานั่งทำความสะอาดมาก แถมไม่มีก้างให้มากวนใจเวลากินอีกด้วย
ทุกอย่างพร้อมแล้วทีนี้ก็ลงมือแกงกันเลย แกงไปชิมไปจนลิ้นชางานนี้เลยได้แกงส้มรสเปรี้ยวสะใจหนึ่งหม้อ แถมยังบังคับแจกจ่ายให้น้องๆ กับเพื่อนๆ ทางนี้คนละถุงอีกต่างหากกินได้ไม่ได้คนทำไม่รู้แต่อยากให้ช่วยกิน
โชคดีวันก่อนที่ร้านเอาขมิ้นมาขายแล้วเลยได้ขมิ้นสดๆ มาทำเครื่องแกงส้ม รสชาติมันผิดกับเครื่องแกงกระป๋องจริงๆ เลยขอโชว์ขมิ้นสดๆ เสียหน่อยจะได้รู้ว่าชาวอลาสก้าเราก็มีขมิ้นสดกินกับเขาด้วย
อุปกรณ์มีแล้วก็เริ่มตำเรื่องแกงกันเลยนะคะ แต่ค่อนข้างขี้เกียจเลยตำหยาบมากดังนั้นเพื่อนๆ คนไหนจะตำเครื่องแกงก็ตำให้ละเอียดกว่านี้อีกสักหน่อยจะดีกว่า
เครื่องแกงพร้อมแล้วเรามาเตรียมผักกัน งานนี้มีหน่อไม้ดองเปรี้ยวกับถั่วฝักยาว
คิดตั้งนานว่าจะใช้ปลาอะไรดี แต่เหลือบไปเห็นเนื้อปลานิลแช่แข็งในตู้เลยเอามาจัดการดีกว่าเพราะมันง่ายและไม่ต้องมานั่งทำความสะอาดมาก แถมไม่มีก้างให้มากวนใจเวลากินอีกด้วย
Thursday, March 1, 2012
ขนมจีนน้ำยาป่าลูกชิ้น
อยากกินขนมจีนตลอดไม่รู้เป็นอะไร วันก่อนเพื่อนก็ทำมาให้กินอร่อยมาก แต่มันยังไม่หนำใจผ่านมาสักอาทิตย์กว่าเลยขอทำเองมั้ง จะเอาไปให้เพื่อนชิมดูก็กลัวเพราะว่ารสชาติยังขาดๆ เกินๆ พิกลไม่เหมือนเขาทำสักเท่าไหร่ รื้อๆ อุปกรณ์ในบ้านมีปลานิลแบบแล่แล้วนอนแข็งอยู่สองชิ้น กับลูกชิ้นเนื้อกับหมูที่ซื้อมาหลายวันก่อน ก็เลยถือโอกาสทำเสียเลย
มีน้ำยาแล้วจะขาดขนมจีนไปไม่ได้ อยากจะจับสวยๆ แต่ฝีมือได้แค่นี้จริงๆ
รื้อๆ ในตู้เหลือกะหล่ำปลีอยู่นิดหน่อยเลยเอามากินคู่ พร้อมด้วยไข่ต้ม เนื่องจากน้ำยาเผ็ดมากขืนกินแค่นั้นตายสถานเดียว
มีน้ำยาแล้วจะขาดขนมจีนไปไม่ได้ อยากจะจับสวยๆ แต่ฝีมือได้แค่นี้จริงๆ
รื้อๆ ในตู้เหลือกะหล่ำปลีอยู่นิดหน่อยเลยเอามากินคู่ พร้อมด้วยไข่ต้ม เนื่องจากน้ำยาเผ็ดมากขืนกินแค่นั้นตายสถานเดียว
Wednesday, February 29, 2012
หมู ไก่สเตะ
วันก่อนไปคอสโกซื้อหมูกับไก่มาแพ็คใหญ่ ว่าแล้วก็จัดการเอามาแล่และหมักด้วยผงทำสเตะและแช่แข็งเอาไว้กินเนื่องจากค่อนข้างขี้เกียจ ตอนนี้เวลาทำอะไรที่มันแช่แข็งได้ก็ทำไว้เยอะๆ พอจะกินทีค่อยเอามากิน อย่างพวกสเตะเพราะตามร้านอาหารเขาก็ทำทีละเยอะๆ แล้วค่อยเอามาละลายก่อนขายให้ลูกค้าเหมือนกัน เลยจำมาทำมั้ง
กินๆ ไปนึกได้ว่าลืมอะไร ลืมทำอาจาดแตงกวาแต่จะทำก็คงไม่ทันแล้วเพราะว่าแตงกวายังไม่ได้ซื้อจะออกไปซื้อก็ไม่ไหวเลยกินมันทั้งแบบนี้แหละ
ต้มปลา
จริงๆ ไม่ได้อยากซื้อปลาแบบนี้มากินเท่าไหร่นัก แต่เพราะวันนั้นหน้ามืดอยากได้ปลาดุกก็จับหมับเข้าให้กับไอ้แคทฟิชเพราะว่าคราวก่อนซื้อได้มาเป็นปลาดุก แต่คราวนี้ดันพลาดมันไม่ใช่เลยไม่แน่ใจว่ามันคือปลาสวายหรือเปล่า ซื้อมาแล้วจะทำไรกินดีหล่ะ จะทอดก็กลัวเปลืองน้ำมัน (แอบงกน้ำมัน) ก็เลยลองต้มดู ต้มเหมือนต้มยำเพียงแต่อุปกรณ์ใช้ตามที่มี
ภาพอาจจะเห็นแค่ปลาแต่มีหอมใหญ่แอบอยู่นิดๆ ส่วนตะไคร้กับข่าไม่รู้มันหายไปไหนหมดสงสัยจะถ่ายไม่ดี หน้าตาไม่ดีนักแต่รสชาติพอใช้ได้
ภาพอาจจะเห็นแค่ปลาแต่มีหอมใหญ่แอบอยู่นิดๆ ส่วนตะไคร้กับข่าไม่รู้มันหายไปไหนหมดสงสัยจะถ่ายไม่ดี หน้าตาไม่ดีนักแต่รสชาติพอใช้ได้
Thursday, February 23, 2012
ชีวิตหมูกับผัก ตอน 3 (นินทาหน่อย)
ทำงานร้านขายของแน่นอนก็ต้องเจอลูกค้าสารพัด บางคนก็ดีมากจนอยากจะแถมผักที่มีสักหอบแต่ทำไม่ได้หรอกเพราะมันชั่งขาย อิอิ แต่บางคนก็เรื่องมากจนน่าเบื่อและส่วนมากจะเป็นฟิลิปปินส์
เรื่องแรกผีขิง...เรื่องนี้เป็นดวงซวยของเราเอง ก็ยืนแพ็คผักในห้องอยู่ดีๆ บรรยากาศครึ้มๆ ไอ้หนุ่มเจอรี่ก็เดินเข้ามาทำหน้าซื่อๆ ถามว่าขิงมีอีกไหม เราก็บอกว่ามีข้างหลังไงเธอเป็นคนเก็บผักเธอไม่รู้เหรอว่าตรงไหน ทำไมมันมีอะไรเพราะจำได้ว่าขิงยังมีอยู่เต็มลังข้างนอกแต่เราไม่ได้เป็นคนเอาขิงลงถาดขายแค่เห็นแวบๆ ตอนเดินผ่าน เจอร์รี่ก็บอกว่าลูกค้าบอกว่ามันไม่ดีอยากได้ของใหม่ เรามองก็เข้าใจเพราะมันมาตอนหิมะลงและชิ้ปส่งมาช้าขิงเลยเจอสภาพชื้น บางส่วนแถมมีรานิดๆตรงที่รอยตัด เราก็ไปหยิบกล่องใหม่มาให้เพราะหนุ่มยืนเอ๋อๆ ทำไรไม่ถูกอยู่นั่นและเอาใส่ถาดถือออกไปข้างนอกเอง
แต่ก่อนไปก็เดินผ่านบอสๆ ก็บอกว่าขิงมันเป็นแบบนี้ถ้าเขาไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อเพราะเราก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกันของมันมาแบบนี้ เราก็เดินออกไปเห็นเจ๊ฟิลิิปปินส์กับฝรั่งมีอายุสองคนกำลังยกลังขิงจากพื้นข้างล่าง ซึ่งแอบไว้ใต้โต๊ะซ่ึงมันไม่ใช่หน้าที่ของลูกค้ามาทำแบบนั้น เราก็เอาขิงในถาดที่เลือกไว้สวยสุดไปวาง เจ๊ก็มาถึงก็บ่นๆ ใส่เราใหญ่เลยว่าขิงไม่ดี ขิงแบบนี้มีราขายได้ไง เธอรู้จักกฎหมายไหม อะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมดฟังออกมั้งไม่ออกมั้งแต่ก็ยิ้มๆ ไม่ได้ทำหน้าแย่ใส่ แล้วก็ยกลังขิงที่เขายกไปวางบนคูเลอร์ออก เพราะลังมันหนักกลัวมันจะทำฝาปิดแตก เท่านั้นแหละเจ๊อารมณ์ขึ้นจากไหนไม่รู้เดินมาข้างหลังพูดแบบไม่ติดเบรกใส่ทำเหมือนว่าเรานั้นทำผิดมากกกก แต่มือเจ๊ก็เลือกขิงในถาดที่ดีๆ ไปเกือบหมด ขอบอกว่าตอนนี้อารมณ์ขึ้นมากแต่เห็นบอสกับเจอร์รี่ยืนอยู่อีกฝ่ั่งส่ายหัวให้เราๆ ก็เลยเดินกลับเข้าห้องมาสงบอารมณ์ บอสเลยเดินตามมาบอกว่าไม่ต้องสนใจ สรุปวันนั้นทำงานด้วยอารมณ์เดือดทั้งวันอยากบีบคอผีขิงที่สุด
เรื่องที่สอง ผักหมด...ลูกค้าหลายคนชอบวิ่งมาที่ห้องแล้วบอกว่าผักหมด อยากได้เพิ่มหลายถุง เราก็เอาให้แต่ไม่ได้ไปเช็คข้างนอกว่าหมดจริงไหม พอให้เสร็จก็เดินไปเช็คหน่อยว่าอะไรหมดมั้งแต่ดันเจอผักที่ลูกค้าว่าหมดกองเต็มตะกร้า แถมผักที่เพิ่งให้ไปก็วางเกลื่อนอยู่ สรุปคือลูกค้าคนฉลาดต้องการผักไปเลือกนั่นเอง เวลาไม่ยุ่งมันก็ไม่เป็นไรแต่เวลาที่ร้านยุ่งมากๆ ขอบอกว่าอยากจะด่าลูกค้าคนนั้นมากเพราะเราต้องไปตามเก็บผักกลับมา
เรื่องที่สาม กินคนเดียว...มีไม่กี่คนที่จะทำแบบนี้ชอบมาบอกว่ากินคนเดียว และขอผักกวางตุ้งสามต้น ผักบ็อกช้อยสองต้น มีแรงสุดมาขอซื้อฮาลาปิโนเม็ดเดียว แบบที่ร้านจะแพคขายเป็นถาดๆ ละ $1.35 ก็ถือว่าไม่แพงมากนักถ้าไปซื้อที่อื่น และไอ้พริกนี่มันก็เก็บได้นานมาก แต่ลูกค้าอยากได้เม็ดเดียวบอกชั้นซื้อ แต่คนขายอย่างชั้นมันชั่งไม่ถูกนี่สิ มันจะชั่งยังไงเลยให้ไปคุยกับเคาเตอร์เอาเองว่าเขาจะขายหรือให้ฟรีไม่อยากคุยด้วยนานมันปวดตับ
เรื่องที่สี่ ขโมย...ลูกค้าบางคนชอบลืมตัวไปว่าร้านค้ามักจะมีกล้องวงจรปิดติดทั่ว พอลืมตัวก็มักทำไรแปลกๆ ให้เห็น ที่เห็นชัดสุดเป็นผู้หญิงฟิลิปปินส์ทำท่าหยิบขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งตอนนั้นใกล้เทศกาลไหว้พระจันทร์แล้วขนมชนิดนี้จะขายเป็นกล่องๆ ละหกลูก สิบลูก หรือสองลูก ยัยเจ๊คนนี้ไม่รู้นึกไงไปหยิบกล่องหกลูกมาแทนที่จะขโมยทั้งกล่องดันหยิบไปลูกนึง และยัดใส่กระเป๋าถือตอนที่กำลังรอแถวจ่ายเงิน พอหยิบไปจากกล่องมันก็เป็นรูโบ๋ในกล่องทีนี้คนในร้านก็เริ่มสงสัยว่าใครซื้อไปมันหายไปได้ไงเพราะมันขายทั้งกล่องใครจะขายแค่ลูกเดียว ก็มาดูกล้องในห้องที่เราแพ็คผักอยู่เราก็เลยรู้เรื่องกับเขาไปด้วยเพราะลุ้นมากอยากเห็นว่าเป็นใคร ตอนแรกจะเอารูปปิดประกาศหน้าร้านแต่เจ้าของร้านก็ใจดีเกินเลยต้องผ่านๆ ไป
ขโมยขนมไปแล้วยังมีบางคนหนักกว่านั้นขโมยพริกขี้หนู ใบมะกรูด มันจะแพ็คใส่ถาดและแร็ปด้วยพลาสติกใส พอเราไปเช็คผักก็เจอการเจาะรูหยิบเอาไปประจำ ไอ้ที่เราโมโหไม่ใช่ไรหรอกแต่โมโหที่เราต้องมานั่งชั่งและแพ็คใหม่นะสิ มันเสียเวลามาก
เรื่องราวยังมีอีกเยอะแยะถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่เคยพบแล้วกัน
เรื่องแรกผีขิง...เรื่องนี้เป็นดวงซวยของเราเอง ก็ยืนแพ็คผักในห้องอยู่ดีๆ บรรยากาศครึ้มๆ ไอ้หนุ่มเจอรี่ก็เดินเข้ามาทำหน้าซื่อๆ ถามว่าขิงมีอีกไหม เราก็บอกว่ามีข้างหลังไงเธอเป็นคนเก็บผักเธอไม่รู้เหรอว่าตรงไหน ทำไมมันมีอะไรเพราะจำได้ว่าขิงยังมีอยู่เต็มลังข้างนอกแต่เราไม่ได้เป็นคนเอาขิงลงถาดขายแค่เห็นแวบๆ ตอนเดินผ่าน เจอร์รี่ก็บอกว่าลูกค้าบอกว่ามันไม่ดีอยากได้ของใหม่ เรามองก็เข้าใจเพราะมันมาตอนหิมะลงและชิ้ปส่งมาช้าขิงเลยเจอสภาพชื้น บางส่วนแถมมีรานิดๆตรงที่รอยตัด เราก็ไปหยิบกล่องใหม่มาให้เพราะหนุ่มยืนเอ๋อๆ ทำไรไม่ถูกอยู่นั่นและเอาใส่ถาดถือออกไปข้างนอกเอง
แต่ก่อนไปก็เดินผ่านบอสๆ ก็บอกว่าขิงมันเป็นแบบนี้ถ้าเขาไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อเพราะเราก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกันของมันมาแบบนี้ เราก็เดินออกไปเห็นเจ๊ฟิลิิปปินส์กับฝรั่งมีอายุสองคนกำลังยกลังขิงจากพื้นข้างล่าง ซึ่งแอบไว้ใต้โต๊ะซ่ึงมันไม่ใช่หน้าที่ของลูกค้ามาทำแบบนั้น เราก็เอาขิงในถาดที่เลือกไว้สวยสุดไปวาง เจ๊ก็มาถึงก็บ่นๆ ใส่เราใหญ่เลยว่าขิงไม่ดี ขิงแบบนี้มีราขายได้ไง เธอรู้จักกฎหมายไหม อะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมดฟังออกมั้งไม่ออกมั้งแต่ก็ยิ้มๆ ไม่ได้ทำหน้าแย่ใส่ แล้วก็ยกลังขิงที่เขายกไปวางบนคูเลอร์ออก เพราะลังมันหนักกลัวมันจะทำฝาปิดแตก เท่านั้นแหละเจ๊อารมณ์ขึ้นจากไหนไม่รู้เดินมาข้างหลังพูดแบบไม่ติดเบรกใส่ทำเหมือนว่าเรานั้นทำผิดมากกกก แต่มือเจ๊ก็เลือกขิงในถาดที่ดีๆ ไปเกือบหมด ขอบอกว่าตอนนี้อารมณ์ขึ้นมากแต่เห็นบอสกับเจอร์รี่ยืนอยู่อีกฝ่ั่งส่ายหัวให้เราๆ ก็เลยเดินกลับเข้าห้องมาสงบอารมณ์ บอสเลยเดินตามมาบอกว่าไม่ต้องสนใจ สรุปวันนั้นทำงานด้วยอารมณ์เดือดทั้งวันอยากบีบคอผีขิงที่สุด
เรื่องที่สอง ผักหมด...ลูกค้าหลายคนชอบวิ่งมาที่ห้องแล้วบอกว่าผักหมด อยากได้เพิ่มหลายถุง เราก็เอาให้แต่ไม่ได้ไปเช็คข้างนอกว่าหมดจริงไหม พอให้เสร็จก็เดินไปเช็คหน่อยว่าอะไรหมดมั้งแต่ดันเจอผักที่ลูกค้าว่าหมดกองเต็มตะกร้า แถมผักที่เพิ่งให้ไปก็วางเกลื่อนอยู่ สรุปคือลูกค้าคนฉลาดต้องการผักไปเลือกนั่นเอง เวลาไม่ยุ่งมันก็ไม่เป็นไรแต่เวลาที่ร้านยุ่งมากๆ ขอบอกว่าอยากจะด่าลูกค้าคนนั้นมากเพราะเราต้องไปตามเก็บผักกลับมา
เรื่องที่สาม กินคนเดียว...มีไม่กี่คนที่จะทำแบบนี้ชอบมาบอกว่ากินคนเดียว และขอผักกวางตุ้งสามต้น ผักบ็อกช้อยสองต้น มีแรงสุดมาขอซื้อฮาลาปิโนเม็ดเดียว แบบที่ร้านจะแพคขายเป็นถาดๆ ละ $1.35 ก็ถือว่าไม่แพงมากนักถ้าไปซื้อที่อื่น และไอ้พริกนี่มันก็เก็บได้นานมาก แต่ลูกค้าอยากได้เม็ดเดียวบอกชั้นซื้อ แต่คนขายอย่างชั้นมันชั่งไม่ถูกนี่สิ มันจะชั่งยังไงเลยให้ไปคุยกับเคาเตอร์เอาเองว่าเขาจะขายหรือให้ฟรีไม่อยากคุยด้วยนานมันปวดตับ
เรื่องที่สี่ ขโมย...ลูกค้าบางคนชอบลืมตัวไปว่าร้านค้ามักจะมีกล้องวงจรปิดติดทั่ว พอลืมตัวก็มักทำไรแปลกๆ ให้เห็น ที่เห็นชัดสุดเป็นผู้หญิงฟิลิปปินส์ทำท่าหยิบขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งตอนนั้นใกล้เทศกาลไหว้พระจันทร์แล้วขนมชนิดนี้จะขายเป็นกล่องๆ ละหกลูก สิบลูก หรือสองลูก ยัยเจ๊คนนี้ไม่รู้นึกไงไปหยิบกล่องหกลูกมาแทนที่จะขโมยทั้งกล่องดันหยิบไปลูกนึง และยัดใส่กระเป๋าถือตอนที่กำลังรอแถวจ่ายเงิน พอหยิบไปจากกล่องมันก็เป็นรูโบ๋ในกล่องทีนี้คนในร้านก็เริ่มสงสัยว่าใครซื้อไปมันหายไปได้ไงเพราะมันขายทั้งกล่องใครจะขายแค่ลูกเดียว ก็มาดูกล้องในห้องที่เราแพ็คผักอยู่เราก็เลยรู้เรื่องกับเขาไปด้วยเพราะลุ้นมากอยากเห็นว่าเป็นใคร ตอนแรกจะเอารูปปิดประกาศหน้าร้านแต่เจ้าของร้านก็ใจดีเกินเลยต้องผ่านๆ ไป
ขโมยขนมไปแล้วยังมีบางคนหนักกว่านั้นขโมยพริกขี้หนู ใบมะกรูด มันจะแพ็คใส่ถาดและแร็ปด้วยพลาสติกใส พอเราไปเช็คผักก็เจอการเจาะรูหยิบเอาไปประจำ ไอ้ที่เราโมโหไม่ใช่ไรหรอกแต่โมโหที่เราต้องมานั่งชั่งและแพ็คใหม่นะสิ มันเสียเวลามาก
เรื่องราวยังมีอีกเยอะแยะถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่เคยพบแล้วกัน
Thursday, January 26, 2012
ของเล่นใหม่
วันนี้ขออวดของเล่นอันใหม่ที่บิดมาได้จากอีเบย์ เป็นมือใหญ่หัดบิดก็เลยเริ่มบิดจากของราคาไม่แพงก่อนเพราะไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง จนไปเจอไม้นิตวงกลมแต่เป็นสแตนเลส เกิดมาไม่เคยเห็นของจริง ไม่รู้ว่าตอนใช้มันเป็นยังไงจะรูดปรื๊ดๆ หรือเปล่าหรือว่าถักไปติดไป ความสงสัยและอยากรู้ก็เลยเกิดขึ้น เห็นราคาบิดไม่แพงไม่ถึงเหรียญเอง แถมใกล้หมดเวลาแล้ว แต่ค่าส่งจากจีนมานี่รวมแล้วก็เกือบๆ เจ็ดเหรียญ ก็เลยเอาก็เอาสนองตัณหาความอยากหน่อย พอได้ก็ดีอกดีใจแต่กว่าจะส่งมาถึงอลาสก้าล่อไปสองอาทิตย์กว่าๆ ความอยากก็เริ่มหาย จนของมาถึงบ้านเราก็ไม่ได้สนใจจะเปิดดูคุณสามีเลยต้องเปิดดูให้ ดันกลายเป็นว่าของที่ส่งมานั้นผิดแบบ เขาดันส่งแบบไม้ไผ่มาให้ เราก็เริ่มเอ๋อๆ มันนานแล้วนะชั้นก็ลืมๆ ว่าสั่งแบบไหนแต่จำได้ว่าไม่เคยสั่งแบบไม้ไผ่ต้องไปรื้อข้อมูลเก่ามาดูและเทียบจนรู้ว่าผิดจริงๆ คุณสามีก็จัดการเมล์ไปบอกคนขายๆ ก็เช็คและขอส่งของใหม่มาแทน เราก็สงสารถามว่าจะเอาเงินเพิ่มไหมเพราะกลัวเขาขาดทุน เขาก็ว่าไม่เป็นไร
สรุปเขาก็ส่งของใหม่ที่ถูกต้องมาให้ สมใจอยากและโชคดีได้ของฟรีอีกชุด แต่กว่าจะได้ของครบก็ปาไปเดือนเต็มๆ ไอ้โครงการพันแปดร้อยล้านที่ตั้งไว้ตอนเห่อก็เริ่มหดหาย ตอนนี้เลยได้แต่นั่งมองมันไปก่อน
อันนี้คือของที่บิดได้
ส่วนที่เหลือคือที่เขาส่งมาผิด
ไม่รู้ว่าใครเคยใช้ไม้นิตแบบสแตนเลสมั้ง มันใช้ดีจริงไหมและของจากจีนนี่คุณภาพเป็นไงมั้ง แต่ราคามันถูกมากกกกกกก
สรุปเขาก็ส่งของใหม่ที่ถูกต้องมาให้ สมใจอยากและโชคดีได้ของฟรีอีกชุด แต่กว่าจะได้ของครบก็ปาไปเดือนเต็มๆ ไอ้โครงการพันแปดร้อยล้านที่ตั้งไว้ตอนเห่อก็เริ่มหดหาย ตอนนี้เลยได้แต่นั่งมองมันไปก่อน
อันนี้คือของที่บิดได้
ส่วนที่เหลือคือที่เขาส่งมาผิด
ไม่รู้ว่าใครเคยใช้ไม้นิตแบบสแตนเลสมั้ง มันใช้ดีจริงไหมและของจากจีนนี่คุณภาพเป็นไงมั้ง แต่ราคามันถูกมากกกกกกก
ดวงตาหนู
ต้นเดือนไปรักษาฟันเมื่อวานก็เลยไปตรวจตา ทุกอย่างทำเพราะความจำเป็นและจำใจต้องทำเนื่องจากคอนแทกเลนส์หมดมาเกือบเดือนแล้ว ตอนแรกจะบอกให้พี่สาวส่งมาให้จากเมืองไทยแต่คิดแล้วค่าคอนแทกเลนส์กล่องห้าร้อยกว่าๆ สองกล่องก็พันแถมค่าส่งอีกก็เลยคิดว่าทำที่นี่ดีกว่า อีกอย่างได้ตรวจสายตาไปในตัวว่ามันมีอะไรผิดปกติไหม เมื่อคิดแบบนั้นก็ยอมทำนิสัยไม่ดีใช้เลยอายุมาเดือนนึง อันนี้ไม่ดีเท่าไหร่แต่ไปถามจักษุแพทย์แล้วเขาบอกว่าได้แค่ทำความสะอาดให้ดีหน่อยแล้วกัน และให้รอประกันจะได้ไม่ต้องจ่ายเยอะเราก็ยอม
รอๆๆๆๆๆ จนได้ประกันสำหรับตามา ก็เลยจัดการนัดแต่ที่นี่ก็คิวเยอะมากแถมไอ้ที่จะรับประกันก็ไม่ได้ทุกที่ จนไปได้คิวอีกเมืองนึงซึ่งต้องขับรถไปประมาณยี่สิบนาทีก็เลยเอาก็เอา จะไปที่เก่าตรงนั้นเขาไม่รับประกันของบริษัทนี้ เรื่องของประกันนี่เยอะแยะจริงๆ ถ้าอยู่เมืองใหญ่ๆ คงไม่ใช่ปัญหาแต่บริษัทที่สามีทำงานมันมีบริษัทแม่อยู่ซีแอตเติล ดังนั้นอะไรๆ มันก็จะครอบคลุมทางนั้นหมด พอจะใช้ที่อลาสก้าต้องตระเวนหาว่าตรงไหนมันรับมั้ง หลายเรื่องหลายราวชีวิตบ้านนอกก็งี้้แหละ
ใช้เวลานัดหนึ่งอาทิตย์ถ้าเป็นบ้านเรานะเหรอเดินเข้าร้านขายแว่นตาก็ได้เลยไม่ต้องเสียเวลาขนาดนี้ ไปถึงก็รอแป๊บนึงเพราะมีคิวก่อนหน้าเรา เราก็ด้อมๆ มองๆแว่นตาใหม่เพราะอันเก่าใช้มาสิบกว่าปีแล้ว และตรงขามันเป็นแบบบางๆพอใส่นานๆ มันเป็นรอยกดทับ เลยอยากเปลี่ยนใหม่เป็นที่ขามันใหญ่สักหน่อยน่าจะดีเห็นคนเขาใส่กันเยอะด้วย
แต่ตอนไปถึงก็กรอกเอกสารต่างๆ และยื่นบัตรประกันให้เขาก๊อปปี้และเช็คว่าประกันจ่ายไรให้เรามั้ง สรุปออกมาประกันจ่ายคอนแทกส์เลนส์แค่ $95 เหรียญ จ่ายค่ากรอบแว่น $130 และจ่ายค่าเลนส์อีกเท่าไหร่จำไม่ได้แต่ไม่มาก คือมันน้อยจนแบบเอ๋อออไปเลย แต่ทำไงได้มาแล้วก็ตัดใจทำ
ตอนตรวจหมอก็ดีมากกกกกกก น่ารักสุดๆ ใช้เวลาตรวจยี่สิบนาทีได้และก็ให้ลองคอนแทกเลนส์ตัวใหม่ เห็นว่ามันชุ่มชื้นกว่าตัวที่เราชอบเราก็เลยลองดูเพราะอากาศที่นี่มันแห้งมาก มันน่าจะดีกว่าสำหรับตาเรา
พอกลับออกมาเราก็ดูแว่นตาก็เลือกแบบที่ต้องการ เลือกเลนส์ที่จะใช้คุณสามีก็ไปชอบเลนส์ตัวนึงที่เขาว่ามันไม่ค่อยเป็นฝ้าเวลาอากาศเปลี่ยน และดีเวลาใช้กับคอมฯ ก็เลยเลือกตัวนั้น สรุปเบ็ดเสร็จเสียไปทั้งหมด $403 เหรียญ เลยงงงงงงง
แต่ก็จ่ายไปแบบงงๆ เพราะคิดว่าแว่นยังไงก็คงใช้เกินสิบปี ส่วนคอนแทกเลนส์นี่ที่สั่งไปแค่ครึ่งปีเองเพราะราคาแพงแต่ขี้เกียจไปหาที่อื่นแล้วให้มันเสร็จๆ ไปเลยทีเดียว แต่ก็คิดว่าสำหรับที่นี่คงเป็นครั้งเดียวและสุดท้ายเพราะไม่ค่อยชอบบริการของพนักงานเท่าไหร่อีกทั้งสินค้าค่อนข้างแพง หรือว่ามันแพงทุกที่ก็ไม่รู้นะ
รอๆๆๆๆๆ จนได้ประกันสำหรับตามา ก็เลยจัดการนัดแต่ที่นี่ก็คิวเยอะมากแถมไอ้ที่จะรับประกันก็ไม่ได้ทุกที่ จนไปได้คิวอีกเมืองนึงซึ่งต้องขับรถไปประมาณยี่สิบนาทีก็เลยเอาก็เอา จะไปที่เก่าตรงนั้นเขาไม่รับประกันของบริษัทนี้ เรื่องของประกันนี่เยอะแยะจริงๆ ถ้าอยู่เมืองใหญ่ๆ คงไม่ใช่ปัญหาแต่บริษัทที่สามีทำงานมันมีบริษัทแม่อยู่ซีแอตเติล ดังนั้นอะไรๆ มันก็จะครอบคลุมทางนั้นหมด พอจะใช้ที่อลาสก้าต้องตระเวนหาว่าตรงไหนมันรับมั้ง หลายเรื่องหลายราวชีวิตบ้านนอกก็งี้้แหละ
ใช้เวลานัดหนึ่งอาทิตย์ถ้าเป็นบ้านเรานะเหรอเดินเข้าร้านขายแว่นตาก็ได้เลยไม่ต้องเสียเวลาขนาดนี้ ไปถึงก็รอแป๊บนึงเพราะมีคิวก่อนหน้าเรา เราก็ด้อมๆ มองๆแว่นตาใหม่เพราะอันเก่าใช้มาสิบกว่าปีแล้ว และตรงขามันเป็นแบบบางๆพอใส่นานๆ มันเป็นรอยกดทับ เลยอยากเปลี่ยนใหม่เป็นที่ขามันใหญ่สักหน่อยน่าจะดีเห็นคนเขาใส่กันเยอะด้วย
แต่ตอนไปถึงก็กรอกเอกสารต่างๆ และยื่นบัตรประกันให้เขาก๊อปปี้และเช็คว่าประกันจ่ายไรให้เรามั้ง สรุปออกมาประกันจ่ายคอนแทกส์เลนส์แค่ $95 เหรียญ จ่ายค่ากรอบแว่น $130 และจ่ายค่าเลนส์อีกเท่าไหร่จำไม่ได้แต่ไม่มาก คือมันน้อยจนแบบเอ๋อออไปเลย แต่ทำไงได้มาแล้วก็ตัดใจทำ
ตอนตรวจหมอก็ดีมากกกกกกก น่ารักสุดๆ ใช้เวลาตรวจยี่สิบนาทีได้และก็ให้ลองคอนแทกเลนส์ตัวใหม่ เห็นว่ามันชุ่มชื้นกว่าตัวที่เราชอบเราก็เลยลองดูเพราะอากาศที่นี่มันแห้งมาก มันน่าจะดีกว่าสำหรับตาเรา
พอกลับออกมาเราก็ดูแว่นตาก็เลือกแบบที่ต้องการ เลือกเลนส์ที่จะใช้คุณสามีก็ไปชอบเลนส์ตัวนึงที่เขาว่ามันไม่ค่อยเป็นฝ้าเวลาอากาศเปลี่ยน และดีเวลาใช้กับคอมฯ ก็เลยเลือกตัวนั้น สรุปเบ็ดเสร็จเสียไปทั้งหมด $403 เหรียญ เลยงงงงงงง
แต่ก็จ่ายไปแบบงงๆ เพราะคิดว่าแว่นยังไงก็คงใช้เกินสิบปี ส่วนคอนแทกเลนส์นี่ที่สั่งไปแค่ครึ่งปีเองเพราะราคาแพงแต่ขี้เกียจไปหาที่อื่นแล้วให้มันเสร็จๆ ไปเลยทีเดียว แต่ก็คิดว่าสำหรับที่นี่คงเป็นครั้งเดียวและสุดท้ายเพราะไม่ค่อยชอบบริการของพนักงานเท่าไหร่อีกทั้งสินค้าค่อนข้างแพง หรือว่ามันแพงทุกที่ก็ไม่รู้นะ
Wednesday, January 25, 2012
ใครหิวมาทางนี้
วันนี้ไม่รู้อารมณ์ไหนเหมือนกันแต่ทำกับข้าวเยอะมาก พอทำเสร็จก็คิดว่าคงไม่เป็นไรทำแล้วก็เก็บแช่เย็นเอาไว้กินมื้ออื่นได้ วันไหนขี้เกียจกลับจากทำงานก็แค่เอามาอุ่นกิน พอคิดได้แบบนี้ก็เลยยิ่งทำไม่หยุด ขอบอกว่านี่คือกับข้าวที่ทำวันนี้ทั้งหมด
มาเริ่มด้วยหมูผัดคะน้า
ต่อมาก็ไข่เจียว
แกงส้มหัวปลาแซลมอนกับหน่อไม้ดอง แอบใส่ถั่วฝักยาวไปด้วย
ผัดเผ็ดกบ เผ็ดๆร้อนๆ จนลิ้นห้อย ภาพอาจจะน่ากลัวไปสักนิดสำหรับคนไม่กินเพราะหนูไม่ได้ทอดกบเนื่องจากกลัวเนื้อหายหมด
ปิดท้ายด้วยแกงอ่อมไก่ เมนูนี้ถือเป็นเมนูเก็บกวาดผักในตู้ที่เก็บๆ ไว้
ตอนแรกจะทำต้มจับฉ่ายแต่ก็เบื่อแล้วเลยเอาแกงอ่อมนี่แหละสะใจดี
แต่ต้องลงทุนซื้อผักชีลาวไม่งั้นมันไม่เป็นแกงอ่อม
Thursday, January 19, 2012
ชวนไปหนาวกันดีกว่า
เมื่อวานมีนัดกับหมอฟันอีกรอบเพื่อไปตรวจฟันที่ถอนว่ามีปัญหาอะไร ไปถึงก็คุยกับผู้ช่วยสาวสวยคนเดิม เราก็รีบบอกเขาว่ามีปัญหาเรื่องขากรรไกร เวลาอ้าปากยังปวดๆ อยู่เคี้ยวก็ยังไม่สะดวกดีอยากได้ยาช่วย เพราะยาที่ให้ไปคราวก่อนหมดแล้ว เธอก็บอกได้ๆ สักพักเธอกลับมาบอกว่าหมอคนที่ดูแลเราเขาไม่อยู่มีแต่หมออีกคนที่จะมาตรวจแทน เราก็ไม่ว่าไร
สักพักหมอเข้ามาอยากจะบอกว่าขอหมอคนเก่ากลับมาได้ไหม คนเก่ายังดูอารมณ์ดี ขี้เล่น พูดจายิ้มแย้มแจ่มใส แถมยังหนุ่มกว่า แต่หมอคนนี้มามาดนิ่งๆ แบบคนมีอายุแล้วง่ะ คือหนูกลัววววววววว บรรยากาศจากที่สดใสกลายเป็นหดหู่ลงทันทีอันนี้คิดเอาเองนะ แบบเวอร์นะคะ
แล้วหมอก็ถามว่าเป็นไงมั้ง เราก็บอกไปว่าว่ายังปวดเวลาอ้าปาก กับเคี้ยวและชี้ๆ ตรงขากรรไกร หรือกรามนี่แหละให้หมอดู หมอก็บอกว่างั้นก็อ้าปากแบบไม่ต้องกว้างมากนัก แล้วก็เอาเครื่องมือส่องดูได้สักสองนาทีได้มั้ง แกก็บอกว่าแผลดีแล้ว ไหมละลายแล้ว (ไอ้คำว่าไหมละลายนี่ฟังไม่รู้เรื่อง) ต้องถามย้ำอีกที จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้เรื่องอีกนั่นแหละว่าศัพท์มันว่าอะไร แต่ก็ถามเขาว่าใช่ไอ้ที่เขาเย็บไว้ข้างในใช่ปะ ผู้่ช่วยก็บอกว่าใช่ it gone เราก็ถึงบางอ้อ
แล้วเรื่องยาหมอก็บอกว่ายากินยาตัวนั้นเลย กลัวมีปัญหาเรื่องกระเพาะ บอกให้ไปซื้อ Advil มากินแทนจะช่วยได้ เราก็เยส โน โอเค ตามประสาเอ๋อๆ นั่นแหละ ส่วนเรื่องอาหารก็ให้กินอาหารอ่อนๆ หรือพวกอาหารไดเอท ซึ่งนั่นคงไม่ใช่หนูแน่นอน เพราะอดอยากมานานยังไงวันนี้ต้องต้มเฝอกินให้ได้ ไม่งั้นคงเสี้ยนตายคาบ้าน หลังจากหมอออกไปผู้ช่วยก็บอกว่าฟันเรายังมีปัญหาบางซี่แต่ไม่เยอะ คือมันผุนิดหน่อย และต้องมาคลีนเผื่อความสะอาดของช่องปาก เขาถามว่าจะนัดเลยไหมเราก็บอกไปว่าให้หายจากตรงนี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะให้สามีโทรมานัดอีกที ตอนนี้ยังไม่พร้อม เขาก็บอกได้ไม่มีปัญหาและบอกว่ากลับบ้านได้แล้ว ไม่ชาร์ทค่าตรวจสำหรับวันนี้ เราก็เลยเดินออกไปหาคุณสามีที่นั่งรออยู่ข้างนอก
พอเสร็จจากตรงนี้ก็เห็นว่าแดดกำลังดี แม้จะหนาวมากกกกกกก เลยบอกคุณสามีว่าพาลูกๆ ไปเที่ยวดีไหม จริงๆ แล้วแม่มันแรดอยากเที่ยวเองนะแต่อ้างลูก คุณสามีก็เลยพาออกไปขับรถเล่นริมทะเล ขอบอกว่าหนาวสุดๆ เพราะไม่ได้เตรียมถุงมือกันมา แค่จับกล้องได้สองนาทีก็ต้องรีบเอามือซุกกระเป๋าแล้ว
สักพักหมอเข้ามาอยากจะบอกว่าขอหมอคนเก่ากลับมาได้ไหม คนเก่ายังดูอารมณ์ดี ขี้เล่น พูดจายิ้มแย้มแจ่มใส แถมยังหนุ่มกว่า แต่หมอคนนี้มามาดนิ่งๆ แบบคนมีอายุแล้วง่ะ คือหนูกลัววววววววว บรรยากาศจากที่สดใสกลายเป็นหดหู่ลงทันทีอันนี้คิดเอาเองนะ แบบเวอร์นะคะ
แล้วหมอก็ถามว่าเป็นไงมั้ง เราก็บอกไปว่าว่ายังปวดเวลาอ้าปาก กับเคี้ยวและชี้ๆ ตรงขากรรไกร หรือกรามนี่แหละให้หมอดู หมอก็บอกว่างั้นก็อ้าปากแบบไม่ต้องกว้างมากนัก แล้วก็เอาเครื่องมือส่องดูได้สักสองนาทีได้มั้ง แกก็บอกว่าแผลดีแล้ว ไหมละลายแล้ว (ไอ้คำว่าไหมละลายนี่ฟังไม่รู้เรื่อง) ต้องถามย้ำอีกที จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้เรื่องอีกนั่นแหละว่าศัพท์มันว่าอะไร แต่ก็ถามเขาว่าใช่ไอ้ที่เขาเย็บไว้ข้างในใช่ปะ ผู้่ช่วยก็บอกว่าใช่ it gone เราก็ถึงบางอ้อ
แล้วเรื่องยาหมอก็บอกว่ายากินยาตัวนั้นเลย กลัวมีปัญหาเรื่องกระเพาะ บอกให้ไปซื้อ Advil มากินแทนจะช่วยได้ เราก็เยส โน โอเค ตามประสาเอ๋อๆ นั่นแหละ ส่วนเรื่องอาหารก็ให้กินอาหารอ่อนๆ หรือพวกอาหารไดเอท ซึ่งนั่นคงไม่ใช่หนูแน่นอน เพราะอดอยากมานานยังไงวันนี้ต้องต้มเฝอกินให้ได้ ไม่งั้นคงเสี้ยนตายคาบ้าน หลังจากหมอออกไปผู้ช่วยก็บอกว่าฟันเรายังมีปัญหาบางซี่แต่ไม่เยอะ คือมันผุนิดหน่อย และต้องมาคลีนเผื่อความสะอาดของช่องปาก เขาถามว่าจะนัดเลยไหมเราก็บอกไปว่าให้หายจากตรงนี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวจะให้สามีโทรมานัดอีกที ตอนนี้ยังไม่พร้อม เขาก็บอกได้ไม่มีปัญหาและบอกว่ากลับบ้านได้แล้ว ไม่ชาร์ทค่าตรวจสำหรับวันนี้ เราก็เลยเดินออกไปหาคุณสามีที่นั่งรออยู่ข้างนอก
พอเสร็จจากตรงนี้ก็เห็นว่าแดดกำลังดี แม้จะหนาวมากกกกกกก เลยบอกคุณสามีว่าพาลูกๆ ไปเที่ยวดีไหม จริงๆ แล้วแม่มันแรดอยากเที่ยวเองนะแต่อ้างลูก คุณสามีก็เลยพาออกไปขับรถเล่นริมทะเล ขอบอกว่าหนาวสุดๆ เพราะไม่ได้เตรียมถุงมือกันมา แค่จับกล้องได้สองนาทีก็ต้องรีบเอามือซุกกระเป๋าแล้ว
ตากล้องกระจำตัว ประจำใจ อิอิ
ตัวนี้ลูกสาวสุดสวย กลมเหมือนแม่
นี่ลูกชายสุดหล่อประจำบ้าน
ขากลับบ้าน มูสมาเดินหาอาหารในเมือง
Subscribe to:
Posts (Atom)