ทำงานร้านขายของแน่นอนก็ต้องเจอลูกค้าสารพัด บางคนก็ดีมากจนอยากจะแถมผักที่มีสักหอบแต่ทำไม่ได้หรอกเพราะมันชั่งขาย อิอิ แต่บางคนก็เรื่องมากจนน่าเบื่อและส่วนมากจะเป็นฟิลิปปินส์
เรื่องแรกผีขิง...เรื่องนี้เป็นดวงซวยของเราเอง ก็ยืนแพ็คผักในห้องอยู่ดีๆ บรรยากาศครึ้มๆ ไอ้หนุ่มเจอรี่ก็เดินเข้ามาทำหน้าซื่อๆ ถามว่าขิงมีอีกไหม เราก็บอกว่ามีข้างหลังไงเธอเป็นคนเก็บผักเธอไม่รู้เหรอว่าตรงไหน ทำไมมันมีอะไรเพราะจำได้ว่าขิงยังมีอยู่เต็มลังข้างนอกแต่เราไม่ได้เป็นคนเอาขิงลงถาดขายแค่เห็นแวบๆ ตอนเดินผ่าน เจอร์รี่ก็บอกว่าลูกค้าบอกว่ามันไม่ดีอยากได้ของใหม่ เรามองก็เข้าใจเพราะมันมาตอนหิมะลงและชิ้ปส่งมาช้าขิงเลยเจอสภาพชื้น บางส่วนแถมมีรานิดๆตรงที่รอยตัด เราก็ไปหยิบกล่องใหม่มาให้เพราะหนุ่มยืนเอ๋อๆ ทำไรไม่ถูกอยู่นั่นและเอาใส่ถาดถือออกไปข้างนอกเอง
แต่ก่อนไปก็เดินผ่านบอสๆ ก็บอกว่าขิงมันเป็นแบบนี้ถ้าเขาไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อเพราะเราก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกันของมันมาแบบนี้ เราก็เดินออกไปเห็นเจ๊ฟิลิิปปินส์กับฝรั่งมีอายุสองคนกำลังยกลังขิงจากพื้นข้างล่าง ซึ่งแอบไว้ใต้โต๊ะซ่ึงมันไม่ใช่หน้าที่ของลูกค้ามาทำแบบนั้น เราก็เอาขิงในถาดที่เลือกไว้สวยสุดไปวาง เจ๊ก็มาถึงก็บ่นๆ ใส่เราใหญ่เลยว่าขิงไม่ดี ขิงแบบนี้มีราขายได้ไง เธอรู้จักกฎหมายไหม อะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมดฟังออกมั้งไม่ออกมั้งแต่ก็ยิ้มๆ ไม่ได้ทำหน้าแย่ใส่ แล้วก็ยกลังขิงที่เขายกไปวางบนคูเลอร์ออก เพราะลังมันหนักกลัวมันจะทำฝาปิดแตก เท่านั้นแหละเจ๊อารมณ์ขึ้นจากไหนไม่รู้เดินมาข้างหลังพูดแบบไม่ติดเบรกใส่ทำเหมือนว่าเรานั้นทำผิดมากกกก แต่มือเจ๊ก็เลือกขิงในถาดที่ดีๆ ไปเกือบหมด ขอบอกว่าตอนนี้อารมณ์ขึ้นมากแต่เห็นบอสกับเจอร์รี่ยืนอยู่อีกฝ่ั่งส่ายหัวให้เราๆ ก็เลยเดินกลับเข้าห้องมาสงบอารมณ์ บอสเลยเดินตามมาบอกว่าไม่ต้องสนใจ สรุปวันนั้นทำงานด้วยอารมณ์เดือดทั้งวันอยากบีบคอผีขิงที่สุด
เรื่องที่สอง ผักหมด...ลูกค้าหลายคนชอบวิ่งมาที่ห้องแล้วบอกว่าผักหมด อยากได้เพิ่มหลายถุง เราก็เอาให้แต่ไม่ได้ไปเช็คข้างนอกว่าหมดจริงไหม พอให้เสร็จก็เดินไปเช็คหน่อยว่าอะไรหมดมั้งแต่ดันเจอผักที่ลูกค้าว่าหมดกองเต็มตะกร้า แถมผักที่เพิ่งให้ไปก็วางเกลื่อนอยู่ สรุปคือลูกค้าคนฉลาดต้องการผักไปเลือกนั่นเอง เวลาไม่ยุ่งมันก็ไม่เป็นไรแต่เวลาที่ร้านยุ่งมากๆ ขอบอกว่าอยากจะด่าลูกค้าคนนั้นมากเพราะเราต้องไปตามเก็บผักกลับมา
เรื่องที่สาม กินคนเดียว...มีไม่กี่คนที่จะทำแบบนี้ชอบมาบอกว่ากินคนเดียว และขอผักกวางตุ้งสามต้น ผักบ็อกช้อยสองต้น มีแรงสุดมาขอซื้อฮาลาปิโนเม็ดเดียว แบบที่ร้านจะแพคขายเป็นถาดๆ ละ $1.35 ก็ถือว่าไม่แพงมากนักถ้าไปซื้อที่อื่น และไอ้พริกนี่มันก็เก็บได้นานมาก แต่ลูกค้าอยากได้เม็ดเดียวบอกชั้นซื้อ แต่คนขายอย่างชั้นมันชั่งไม่ถูกนี่สิ มันจะชั่งยังไงเลยให้ไปคุยกับเคาเตอร์เอาเองว่าเขาจะขายหรือให้ฟรีไม่อยากคุยด้วยนานมันปวดตับ
เรื่องที่สี่ ขโมย...ลูกค้าบางคนชอบลืมตัวไปว่าร้านค้ามักจะมีกล้องวงจรปิดติดทั่ว พอลืมตัวก็มักทำไรแปลกๆ ให้เห็น ที่เห็นชัดสุดเป็นผู้หญิงฟิลิปปินส์ทำท่าหยิบขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งตอนนั้นใกล้เทศกาลไหว้พระจันทร์แล้วขนมชนิดนี้จะขายเป็นกล่องๆ ละหกลูก สิบลูก หรือสองลูก ยัยเจ๊คนนี้ไม่รู้นึกไงไปหยิบกล่องหกลูกมาแทนที่จะขโมยทั้งกล่องดันหยิบไปลูกนึง และยัดใส่กระเป๋าถือตอนที่กำลังรอแถวจ่ายเงิน พอหยิบไปจากกล่องมันก็เป็นรูโบ๋ในกล่องทีนี้คนในร้านก็เริ่มสงสัยว่าใครซื้อไปมันหายไปได้ไงเพราะมันขายทั้งกล่องใครจะขายแค่ลูกเดียว ก็มาดูกล้องในห้องที่เราแพ็คผักอยู่เราก็เลยรู้เรื่องกับเขาไปด้วยเพราะลุ้นมากอยากเห็นว่าเป็นใคร ตอนแรกจะเอารูปปิดประกาศหน้าร้านแต่เจ้าของร้านก็ใจดีเกินเลยต้องผ่านๆ ไป
ขโมยขนมไปแล้วยังมีบางคนหนักกว่านั้นขโมยพริกขี้หนู ใบมะกรูด มันจะแพ็คใส่ถาดและแร็ปด้วยพลาสติกใส พอเราไปเช็คผักก็เจอการเจาะรูหยิบเอาไปประจำ ไอ้ที่เราโมโหไม่ใช่ไรหรอกแต่โมโหที่เราต้องมานั่งชั่งและแพ็คใหม่นะสิ มันเสียเวลามาก
เรื่องราวยังมีอีกเยอะแยะถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่เคยพบแล้วกัน